พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ปฏิบัติการขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนำเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชุดและบ้านจัดสรรต่าง ๆ ในลักษณะของการฟอกเงินคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

บุกจับนายก อบต. หักหัวคิวเงินโบนัสพนักงาน 10% ไม่ให้ไม่อนุมัติ

ควายขวางทางไล่ไม่ไป ตำรวจต้องยกมือไหว้ขอร้อง

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การปฏิบัติการขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในวันนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 16 เป้าหมาย ในพื้นที่เขตประเวศ เขตบางกะปิ เขตพระโขนง เขตคลองเตย และเขตวัฒนา กรุงเทพฯ

ด้าน พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2565 จากการสืบสวนขยายผลสามารถจับกุม นายมินมินอู ชาวเมียนมา ซึ่งทำหน้าที่ทำธุรกรรมทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติ ได้ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จนนำไปสู่การตรวจสอบและอายัดทรัพย์สิน ตั้งแต่ปี 2565 – ปัจจุบัน ทั้งทรัพย์สินประเภทอาคารชุด บ้านจัดสรร เงินสด เงินฝากในบัญชีธนาคาร และรถยนต์ มูลค่ารวมกว่า 517 ล้าน 6 แสนบาท และในวันนี้ได้มีการขยายผลตรวจสอบ และอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม เป็นทรัพย์สินประเภท อสังหาริมทรัพย์ และที่ดิน ได้จำนวน 10 หลัง และอาคารชุด (คอนโด) จำนวน 5 ห้อง มูลค่ารวมกว่า 537 ล้านบาท ส่งผลให้ขณะนี้สามารถอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวได้แล้วกว่า 1,055 ล้านบาท

ส่วนกองกำกับการสายตรวจ 191 แถลงผลปฏิบัติการจับยาเสพติดรายใหญ่ย่านกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ควบคุมตัวผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางคีตามีน 3 กิโลกรัม ไอซ์ 43 กิโลกรัม ยาบ้า 10 ล้านเม็ด รถยนต์ 6 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง

โดยตำรวจ 191 ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดจากคดีที่ผ่านมา จนพบกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยใช้รถยนต์หลายคันสับเปลี่ยนกันตะเวนส่งยาบริเวณถนนกิ่งแก้วและถนนหลวงแพ่ง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และจะนำรถยนต์ตู้ทึบ 2 คัน ไปจอดทิ้งไว้ริมถนนภายในซอยกิ่งแก้ว 11 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจากการตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางซุกอยู่ภายในรถยนต์กระบะตู้ทึบเป็นจำนวนมาก และบริเวณใกล้เคียงยังพบรถยนต์ของกลุ่มผู้ต้องหาอีกหลายคันที่ใช้สำหรับส่งยาเสพติด โดยส่วนใหญ่เป็นรถหนีไฟแนนซ์และเปลี่ยนทะเบียนมาแล้วหลายครั้ง

เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่ารับจ้างขนยาเสพติดมาแล้วประมาณ 7 เดือน โดยไปรับยาเสพติดและนำมาเก็บซุกซ่อนรอส่งลูกค้า เดือนละ 2-3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 200,000-300,000 บาทต่อคน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ต้องหา 1 ราย เคยมีประวัติต้องโทษเกี่ยวกับยาเสพติด เมื่อปี 2553 ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากนี้จะได้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป